ความจำเป็นในการเดินทางด้วยพาหนะส่วนตัวนั้น เป็นอะไรที่ทุกๆ คนตระหนักถึงกันอยู่แล้ว เพราะการคมนาคมในกรุงเทพ นั้น ถึงแม้จะมีรถโดยสารสถาธารณะก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีความสะดวกสบายเท่ากับรถส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซด์ หากเป็นของตนเองย่อมดีที่สุดเสมอๆ แต่เนื่องด้วยราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เราจึงอยากจะมาแชร์ “5 แนวทางการขี่มอเตอร์ไซด์ให้ประหยัดน้ำมัน” ให้กับทุกๆ ท่านกันครับ จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันเล้ยย!!
5 c
●หากเป็นมอเตอร์ไซด์แบบเกียร์จะต้องไม่ขี่รถลากเกียร์
รถมอเตอร์ไซค์ที่มีเกียร์นั้นผู้ขับขี่ควรใช้เกียร์ที่เหมาะสม ไม่ขี่ลากเกียร์ หรือเบิ้ลเครื่องทิ้งในช่วงชะลอความเร็ว (ยกเว้นการใช้ Engine Break) เพราะจะทำให้เปลืองน้ำมัน อีกทั้ง ยังทำให้ชุดเกียร์ และเครื่องยนต์เสื่อมสภาพหรือสึกหรอได้อีกด้วย อย่างไรแล้วควรใช้เกียร์ให้เหมาะสมตามรอบความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์จะดีกว่า
●ขับด้วยความเร็วคงที่ (ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
การขับรถด้วยความเร็วคงที่ ประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นับว่าเป็นความเร็วที่ปลอดภัยต่อการขับขี่บนท้องถนน อีกทั้งยังทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันน้อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นความเร็วที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างปลอดภัย เห็นทัศนวิสัยบนท้องถนนได้ชัดเจน และลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
●ตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ
เราควรหมั่นตรวจเช็คลมยางอยู่เสมอ และเติมลมยางให้เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้ลมยางน้อยเกินค่ามาตรฐาน เพราะจะทำให้ยางอ่อน ยางแบน ทั้งยังเพิ่มแรงเสียดทานบนพื้นผิวถนนมากยิ่งขึ้น ทำให้รถมอเตอร์ไซค์ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนมากอีกด้วย ทางที่ดีควรหมั่นเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ และเติมลมยางในปริมาณที่เป็นค่ามาตรฐานตามป้ายที่แปะไว้บนตัวรถมอเตอร์ไซค์
●เปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่แบบหัวฉีด
เพราะรถที่ใช้ระบบหัวฉีด จะช่วยในเรื่องของการประหยัดเชื้อเพลิง มีการจ่ายเชื้อเพลิงคงที่กว่าคาร์บูและสตาร์ทง่ายทุกสภาพอากาศได้ง่ายดายกว่าแบบคาร์บูเรเตอร์เพราะมีอัตราการจ่ายน้ำมันภายในเครื่องยนต์ที่คงที่นั้นเอง
●อย่าบิดคันเร่งแรงบ่อยๆ
รู้ไหมว่าเป็นตัวการที่ทำให้เปลืองน้ำมันนั้นก็คือ การเร่งเครื่องแบบถี่ๆ เพราะเวลาที่รถออกตัวแรงนั้น จะทำให้การจ่ายน้ำมันไปยังห้องเผาไหม้เชื้อเพลิงมีมากขึ้น รถมอเตอร์ไซค์สูบน้ำมันมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการขับรถแบบเบิ้ลเครื่องก็กินน้ำมันมากเช่นกัน ยังไงแล้วควรค่อยๆ บิดคันเร่งเพื่อไต่ระดับความเร็วไปตามรอบเครื่องยนต์จะดีที่สุด
ความดันลมยาง สำคัญอย่างไร?
ลมยางนับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากต่อการทำหน้าที่ขอ งยางรถยนต์เพราะลม จะทำให้ยางสามารถคงรูปร่างและยึดติดกับกระทะล้อ และรับน้ำหนักบรรทุกได้ นอกจากนี้ลมยังช่วยให้หน้ายางสามารถคงรูปร่างและยึดติดกับกระทะล้อ และรับแรงสั่นสะเทือนจากการกระแทกของหน้ายางกับผิวถนนที่ไม่เรียบได้
ลมยางอ่อนไป-แข็งไป ส่งผลอย่างไรบ้าง?
หากลมอย่างอ่อนจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นเพราะยางมีความฝืดสูงกว่าปกติ เมื่อความฝืดสูง ก็ต้องเร่งเครื่องยนต์มากกว่าปกติ ความสิ้นเปลืองก็จะตามมาควบคู่กันโดยแยกไม่ออก ฉะนั้นแรงดันลมยางจึงต้องเติมให้เหมาะสมตามน้ำหนักของรถ แต่ถ้าลมอย่างแข็งไปจะส่งผลต่อเรื่องของความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แต่จะส่งผลต่อการขับขี่เพราะจะทำให้เกินการกระแทกที่ง่ายขึ้นเพราะลมทำให้ล้อแข็ง หากเป็นมอเตอร์ไซด์ก็อาจจะทำให้เลี้ยวหรือเข้าโค้งได้ยากและอันตรายเกินไปครับ เพราะฉะนั้นทุกยอย่างต้องพอดีๆ จึงจะดีที่สุดครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “5 แนวทางการขี่มอเตอร์ไซด์ให้ประหยัดน้ำมัน” ที่เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับทุกๆ ท่านกันนะครับ